Care for Your Car อาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ

ปลอดภัย ในรถของเราเอง

 

        คนเราอาบน้ำอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้งเพื่อทำความสะอาดร่างกาย แปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้งเพื่อสุขอนามัยในช่องปาก เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ซักมาใหม่ทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังของตัวเราเองรับเชื้อโรค เราต้องทำความสะอาดบ้านเรือนเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เพราะเราไม่ต้องการอยู่ในพื้นที่สกปรกและเป็นที่หมักหมมของเชื้อโรค และการที่เราไม่หมั่นตรวจตราทำความสะอาดสิ่งของรอบตัวเรา ยังจะทำให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และมีโรคร้ายเกิดขึ้นได้

 

          แต่ในสิ่งของหรือสถานที่ซึ่งเราไม่ได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของ เช่นพื้นที่สาธารณะและพาหนะโดยสารต่างๆ นั้น หลายแห่งก็อยู่ในสภาพที่พร้อมจะแพร่เชื้อโรค กระจายไปสู่ผู้ที่ไปใช้บริการทุกคน ดังนั้นหากเป็นไปได้พึงหลีกเลี่ยงการใช้บริการพาหนะสาธารณะทั้งหลายเอาไว้ก่อน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องหาทางป้องกันตัวเอง ไม่ให้รับเอาเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกต่างๆ ติดร่างกายเราเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโรคร้ายต่างๆ เพราะหากเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา นอกจากตัวเราเองจะต้องเสียเงินเสียเวลาไปกับการรักษาพยาบาลแล้ว เราอาจจะยังเป็นพาหะนำพาเชื้อโรคไปติดต่อยังคนที่เรารักได้อีกด้วย

          ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโรคหรือไวรัสอย่างรุนแรง เช่นที่เกิดการระบาดของไวรัส โควิด-19 เช่นทุกวันนี้ หากมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปทำกิจธุระที่ใดก็ตาม หากเป็นไปได้ขอแนะนำให้ใช้รถยนต์ส่วนตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะรับเอาเชื้อ ซึ่งแพร่ระบาดง่ายมาสู่ตัวเราได้ และต้องรู้จักรักษาความสะอาดและการฆ่าเชื้อไวรัสที่อาจจะมีแฝงอยู่ในรถยนต์ของเราเอาไว้ด้วย เพราะส่วนใหญ่แล้วเจ้าของรถมักจะทำความสะอาดแต่เพียงภายนอกรถ เพื่อความสวยงามเป็นหลัก หรือหากจะมีการทำความสะอาดภายในบ้าง ก็เน้นไปที่ความสะอาดเมื่อดูจากสายตาเท่านั้น

          ในสถานการณ์เช่นนี้หากเราผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ ได้ทำความรู้จักกับเชื้อโรคหรือไวรัสที่กำลังระบาด ว่ามีจุดอ่อนและจุดแข็งอยู่ที่ตรงไหน เราจะสามารถป้องกันหรือกำจัดมันได้อย่างไร ก็จะเป็นการดีต่อตัวเราเองและทุกคนในครอบครัวที่เรารัก โดยก่อนอื่นต้องศึกษาหาข้อมูลก่อนว่า ไวรัสโควิด-19 นั้นเป็นไวรัสร้ายแรงที่แพร่เชื้อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่ง หมายถึงสัมผัสจากละอองของเสมหะหรือน้ำลายที่เกิดจากการไอหรือจาม เมื่อไวรัสฟุ้งออกมาโดยติดมากับสารคัดหลั่งเหล่านั้น แล้วปลิวไปตกหรือเกาะติดอยู่กับวัสดุอื่นใด มันจะฝังตัวอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อมีคนอื่นเอามือมาจับหรือแตะต้องกับวัสดุที่ไวรัสนั้นฝังตัวอยู่ มันก็จะกระโดดเกาะ แล้วทำการเผยแพร่เชื้อต่อไปทันที เพราะฉะนั้นเราต้องหลีกเลี่ยงการจับหรือสัมผัสวัสดุต่างๆ ที่สงสัยว่าจะมีคนแพร่ไวรัสนั้นไว้ที่ผิววัสดุเหล่านั้น

          สิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกประการหนึ่งก็คือลักษณะทางกายภาพของไวรัสโควิด-19 คือ เป็นไวรัสที่มีโปรตีนและไขมันห่อหุ้มเอาไว้ และทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันตัวไวรัส หากโปรตีนและไขมันถูกทำลายลงไป ไวรัสโควิด-19 ก็จะตายลงไปทันที ไม่สามารถที่จะไปเผยแพร่เชื้อให้ใครได้อีก เมื่อรู้ดังนี้แล้วเราก็ต้องหาสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาทำลายเกราะป้องกันของมันให้ได้ ซึ่งในทางการแพทย์แนะนำว่า ให้ใช้สบู่ถูตัวธรรมดาซึ่งมีคุณสมบัติละลายไขมันได้ มาเป็นตัวทำลายเกราะหรือละลายไขมันที่หุ้มไวรัสโควิด-19 นั่นจึงเป็นที่มาของคำแนะนำให้มีการล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ

          เราก็สามารถนำความรู้นั้นมาประยุกต์กับการทำความสะอาดรถยนต์ส่วนตัวของเราได้ ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำสบู่เข้มข้น มาทำการเช็ดถูกอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องโดยสารรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์ที่ต้องมีการสัมผัสบ่อยๆ เช่นพวงมาลัยรถยนต์ สวิทช์บังคับอุปกรณ์ต่างๆ มือจับบานประตูทั้งด้านนอกและด้านในรถยนต์ เบาะนั่งภายในรถยนต์ทุกตำแหน่ง และกระจกหน้าต่างรถยนต์ เช็ดทิ้งไว้อย่างนั้นสักสองสามนาที เพื่อให้ทำลายไขมันที่หุ้มไวรัสออกให้หมด หลังจากนั้นจึงใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดมาทำความสะอาดให้เกลี้ยงเกลาอีกครั้งหนึ่ง หรือจะนำสารเคมีอย่างอื่นที่มีคุณสมบัติฆ่าไวรัสนั้นได้ เช่นแอลกฮอล์ที่มีความเข้มข้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ก็ได้ แต่ต้องศึกษาให้ดีว่าน้ำยาหรือสารเคมีที่จะนำมาใช้นั้น ไม่ทำลายอุปกรณ์ในรถให้เสียหายหรือเสื่อมสภาพไปด้วย โดยวิธีการที่ดีและปลอดภัยที่สุดคือ ปรึกษาไปยังผู้จำหน่ายรถยนต์ของท่าน ว่าจะสามารถใช้น้ำยาหรือสารเคมีใดมาใช้งานได้โดยไม่มีผลเสียเกิดขึ้นได้บ้าง

          ลักษณะอีกอย่างหนึ่งของไวรัสโควิด-19 ก็คือ มีความสามารถในการทนความร้อนได้ต่ำมาก โดยปรกติจะเริ่มเสื่อมประสิทธิภาพหรือใกล้ตายที่ความร้อน 38 องศาเซลเซียส และหากถึง 56 องศาเซลเซียสก็จะตายไปอย่างแน่นอน ดังนั้นหากเป็นไปได้ก็ควรนำรถยนต์ส่วนตัวของเรา ออกไปจอดตากแสงแดดจ้าเอาไว้บ้าง เพราะในกรณีที่อุณหภูมิภายนอกรถอยู่ที่ระดับ 30 ถึง 32 องศาเซลเซียส แล้วเราเอารถไปจอดตากแดดจ้าในขณะนั้น ในลักษณะปิดหน้าต่างทุกบานให้สนิทเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง อุณหภูมิภายในห้องโดยสารรถยนต์ก็จะสูงมากกว่า 50 องศาอย่างแน่นอน หรือหากเป็นไปได้เมื่อทำความสะอาดภายในห้องโดยสารแล้ว ก็ให้เปิดบานประตูทุกบานให้กว้างที่สุด เพื่อให้อากาศภายในห้องโดยสารได้มีการถ่ายเทออกไปบ้างก็ได้

          และทุกครั้งที่ขับรถโดยมีผู้อื่นโดยสารไปด้วย ก็ให้ทำการเปิดกระจกหน้าต่างลงมา เพื่อถ่ายเทอากาศเป็นระยะๆ ก็จะช่วยให้มีโอกาสเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงไปได้มาก ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่ได้บอกมาทั้งหมดนั้น เราสามารถควบคุมและทำเองได้หากเป็นการใช้รถยนต์ส่วนตัวของเราเอง แต่ในกรณีที่เป็นรถยนต์โดยสารสาธารณะ เราคงต้องฝากความหวังไว้กับผู้ให้บริการและผู้โดยสารร่วมกับเราเท่านั้น เราจึงแนะนำให้ท่านใช้รถยนต์ส่วนตัวจะเป็นการดีที่สุดในเวลานี้ อย่าลืมว่าปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ตามคำกล่าวที่ว่า อโรคยา ปรมา ลาภา หรือ ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ นั่นเองครับ