เราทุกคนทั่วโลกอยู่กับโควิด-19 เป็นปีที่ 2 แล้วนะครับ ดูสถานการณ์แล้วเราคงต้องอยู่และรับมือกับการแพร่ระบาดนี้ต่อไปในระยะยาว ไม่จบง่ายๆ เพราะโรคนี้มันร้ายกลายพันธุ์หนีวัคซีนไปได้อีก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หลายคนเริ่มปรับตัวทั้งการใช้ชีวิตและการทำงาน คนที่เคยบ่นเรื่องการทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home เริ่มคุ้นเคยและมีความคล่องแคล่วกับการใช้โปรแกรมสื่อสารออนไลน์กันมากขึ้น สะสมพลังความอึดต่อการนั่งหน้าจอได้นานขึ้น จัดสรรเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวได้ดีขึ้นกว่าโควิดในปีที่ผ่านมา
Feel Good
คุณธนะชัย สุนทรเวช
เราทุกคนทั่วโลกอยู่กับโควิด-19 เป็นปีที่ 2 แล้วนะครับ ดูสถานการณ์แล้วเราคงต้องอยู่และรับมือกับการแพร่ระบาดนี้ต่อไปในระยะยาว ไม่จบง่ายๆ เพราะโรคนี้มันร้ายกลายพันธุ์หนีวัคซีนไปได้อีก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หลายคนเริ่มปรับตัวทั้งการใช้ชีวิตและการทำงาน คนที่เคยบ่นเรื่องการทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home เริ่มคุ้นเคยและมีความคล่องแคล่วกับการใช้โปรแกรมสื่อสารออนไลน์กันมากขึ้น สะสมพลังความอึดต่อการนั่งหน้าจอได้นานขึ้น จัดสรรเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวได้ดีขึ้นกว่าโควิดในปีที่ผ่านมา
ผมพยายามมองหาข้อดีในสถานการณ์ร้ายๆ แบบนี้ เริ่มมองจากใกล้ตัวที่สุดนั่นคือตัวเอง อันดับแรกผมยอมรับ ทำใจ และปล่อยวางกับงานบางส่วนที่ต้องเสียไป เกิดความล่าช้า รวมถึงความเสียหายและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น นี่ไม่รวมถึงประสิทธิภาพในการทำงานลดลงจากเดิมที่เคยทำงานแบบทีมที่ได้ระดมสมองพูดคุยอยู่ในห้องเดียวกัน หรือออกไปพบปะลูกค้าแบบเจอหน้าเจอตาสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่น ทุกอย่างถึงเวลาที่ปรับตัว ด้วยกฎระเบียบที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้าน แม้จะเครียด แต่เราได้เวลาส่วนตัวเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ต้องรีบตื่นแต่เข้าออกไปทำงานแล้วรถติดอยู่กลางถนนนานๆ ตอนนี้มีเวลานอนมากขึ้น ส่วนตอนเย็นก็มีเวลาออกกำลังกายได้สม่ำเสมอ ซึ่งแต่ก่อนกว่าจะถึงบ้านก็มืดแล้ว ผมได้ทำกับข้าวและกินของมีประโยชน์มากขึ้น ตั้งแต่ทำงานอยู่ที่บ้าน น้ำหนักผมลดลงไป 5 กิโลและพุงหายไป พยายามรักษาสุขภาพ เพราะทุกคนไม่อยากป่วยไปเพิ่มภาระให้กับคุณหมอและพยาบาล และไม่มีใครอยากจะไปโรงพยาบาลช่วงนี้ นอกจากนี้ยังจัดสรรเวลาไว้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากการเรียนออนไลน์ และได้ฝึกเดินจงกรมและนั่งสมาธิเพิ่มด้วย จากที่แต่ก่อนปฏิเสธกับตัวเองว่าไม่มีเวลามาตลอด
ผมคิดว่าขอให้เริ่มจากตัวเองก่อน
เราต้องแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้มีภูมิสู้กับโรคนี้
จึงจะสามารถไปช่วยเหลือคนอื่นต่อได้
อีกข้อคือต้องไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง
ควบคู่ไปกับการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในช่วงที่มีข้อจำกัด
เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น โอกาสเปิด
เราก็พร้อมที่จะลงพื้นที่ทำงานต่อได้ทันที
คนในครอบครัวก็ไม่ต่างกัน
ลูกก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ต้องเรียนออนไลน์
ผมก็ต้องคุยกับลูกว่าถึงเวลาเรียนต้องเรียน
แม้จะรู้ว่ามันน่าเบื่อกว่าเรียนในห้อง
ครูท่านต้องใช้พลังและความพยายามมากกว่าเดิมที่จะให้นักเรียนอยู่กับหน้าจอตลอดเวลาเรียน
ผมพยายามจูงใจลูกสร้างรางวัลให้ตัวเองหลังจากเรียนจบไปครึ่งวันและเต็มวัน
เลิกเรียนและเสาร์-อาทิตย์ก็จะได้พักเต็มที่แล้ว
ขยับไปในระดับหมู่บ้าน
เรามีไลน์กลุ่มช่วยกันอัพเดตข้อมูลเรื่องการฉีดวัคซีนเพื่อให้คนในหมู่บ้านได้รับข้อมูลที่รวดเร็วตลอดเวลา
รวมถึงพยายามกำชับเรื่องการออกไปซื้อของในแหล่งชุมชนที่มีข่าวว่ามีการติดเชื้อ
ต้องช่วยกันระมัดระวังคนในหมู่บ้านให้ปลอดภัยก่อน
หลังจากนั้นมีสมาชิกในหมู่บ้านออกความเห็นว่า
อยากรวบรวมเงินและของบริจาคให้กับคนในชุมชนละแวกใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบ
หมู่บ้านผมได้เงินและรวบรวมของใช้จำเป็นมาจำนวนหนึ่ง
นำมาจัดชุดอาหารได้วันละ 100-200 ชุด
โดยจ้างร้านในชุมชนให้ช่วยทำอาหารใส่กล่อง สลับร้านไปทุกวัน
จ้างคนตกงาน 2 คนให้มาช่วยแจกอาหาร ถือว่าช่วยกระจายให้คนมีรายได้
ตกเย็นเราจะนำของใส่ท้ายรถกระบะ แล้วขับไปยังจุดแจกที่เดิมเวลา 6
โมงเย็น ทำทุกวันเป็นเวลา 14 วัน
คนที่ขาดแคลนแถวนั้นจะมารับทุกเย็น
แม้จะทราบดีว่าเรื่องนี้ช่วยแก้ปัญหาระยะสั้น
แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
ส่วนรุ่นพี่ของผมที่เป็นผู้ประกอบการมีพื้นที่
ยอมสละคลังสินค้าให้กับเขตและสาธารณสุขนำมาปรับเป็นศูนย์พักคอยผู้ป่วย
เพราะเตียงตามโรงพยาบาลในปัจจุบันเต็มหมดแล้ว ศูนย์ฯ
นี้จะช่วยรับผู้ป่วยสีเขียวที่พอดูแลตัวเองได้
แยกมากักตัวรักษาในที่ที่ปลอดภัยและมีการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
จะช่วยลดภาระของแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาล
ให้คุณหมอไปดูแลผู้ป่วยที่อาการหนักกว่า
นับเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต้องอดทนและเสียสละ
เวลาดูข่าวทีไรก็หดหู่และเสียใจทุกครั้งเมื่อเห็นความสูญเสีย
ผมชื่นชมเพื่อนๆ หลายคนที่ออกมาเป็นจิตอาสา
ใช้ความรู้ความสามารถของตนเอง ลงไปช่วยหน้างาน เช่น
เพื่อนที่เคยทำงานในสายการบินต่างๆ
ไปช่วยอำนวยความสะดวกให้คนที่มาฉีดวัคซีน
ดูแลสอบถามอาการผู้สูงอายุและคนที่มารอคิวหรือนั่งสังเกตอาการ
บางคนเป็นเภสัชกร เป็นทันตแพทย์มาช่วยเตรียมยา
ช่วยให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีน บางคนอาสาไปทำงานในโรงพยาบาลสนาม
ส่วนครอบครัวของผมซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน
ก็ได้ร่วมกับมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก
ในการจัดทำถุงพาเพลินเพื่อจัดชุดนิทาน
อุปกรณ์ศิลปะและกิจกรรมสำหรับเด็กในระหว่างที่จำเป็นต้องกักตัวหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยง
รวมไปถึงการเล่านิทานผ่านหน้าจอไปยังศูนย์ที่ดูแลเด็ก
…พูดง่ายคือ
ใครมีทักษะที่ทำอะไรได้ตรงไหนก็อาสาทำงานที่เกี่ยวข้องตรงนั้น
นอกเหนือจากนี้
หลายคนที่ไม่สามารถออกไปช่วยที่หน้างาน
แต่มีจิตศรัทธาช่วยเหลือบริจาคเงินและสิ่งของในโครงการต่างๆ เช่น
ซื้อเครื่องผลิตออกซิเจน เวชภัณฑ์ที่จำเป็น
สมทบทุนบริจาคของยังชีพให้ผู้ป่วยและคนที่ได้รับผลกระทบ
สนับสนุนอาหารให้แพทย์และพยาบาล ฯลฯ จะมากบ้างน้อยบ้าง
แต่เราก็ช่วยกัน
ผมหวังว่าทุกคนจะสามารถดูแลตัวเองและครอบครัวให้ปลอดภัย
เพื่ออยู่และสู้กับโควิดไปด้วยกันนะครับ